โหนดโรงเรียน
โหนดโรงพยาบาล
โหนดผู้ผลิต-ตลาดเขียว
โหนดผู้บริโภค
กิจกรรมโครงการ
รายชื่อภาคี
กลุ่มเกษตรอินทรีย์สนามชัยเขต
ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2544 เป็นหนึ่งในกลุ่มเกษตรกรภายใต้โครงสร้างการทำงานของเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก (ประเทศไทย) ที่เป็นภาคีหลักของ “แผนงานสนับสนุนความมั่นคงทางอาหาร” โดยมีมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักและดูแลการบริหารแผนงานการเติบโตของกลุ่มเกษตรอินทรีย์สนามชัยเขตมาจากการทำงานชุมชนที่ขับเคลื่อนเรื่องความมั่นคงทางอาหารหรือการมีอาหารที่เพียงพอ โดยมีการทำงานที่หนุนเสริมให้ชุมชนแก้ปัญหาของตนเองโดยการวิเคราะห์ศักยภาพของตนเองและบริหารจัดการฐานทรัพยากรเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ตลอดจนการระดมทุนภายในจนเติบโตเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง ที่มีเส้นทางสืบย้อนไปกว่า 30 ปีจนกระทั่งเกิดแป็นกลุ่มและเป็นต้นแบบระบบเกษตรอินทรีย์เพื่อการค้าที่เป็นธรรม โดยในพื้นที่มีการทำงานทั้งในด้านการหนุนเสริมการเรียนรู้ ด้านการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ การมีระบบรับรองมาตรฐาน การบริหารจัดการผลผลิต และการเชื่อมช่องทางการตลาด การรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตทั้งระบบการออมแบบกลุ่ม เป็นแบบอย่างการขยายผลครอบคลุม จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก
การขับเคลื่อนงานของกลุ่มเกษตรอินทรีย์สนามชัยเขตได้ก่อให้เกิด “ชุมชนอาหาร” (Food Community) ในพื้นที่อำเภอสนามชัยเขต โดยมีเส้นทางสืบเนื่องมาตั้งแต่การพัฒนาประเทศในยุคของ “สัมปทานเถื่อน” ราวปี พ.ศ. 2500 ที่ส่งผลให้พื้นที่ป่าเสียหายอย่างรุนแรงและเริ่มมีการปลูกพืชเศรษฐกิจอย่าง “มันสำปะหลัง” เป็นครั้งแรก จนมาถึงประมาณปี พ.ศ.2524 คุณเกษม เพชรนที นักพัฒนาอิสระที่มีประสบการณ์การทำงานพัฒนาชนบทจากมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ได้เป็นอาสาสมัครเข้าไปช่วยงานกรมป่าไม้ ใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านในหมู่บ้านยางแดง ต.คู้ยายหมี อ.สนามชัยเขต ซึ่งเป็นชุมชนตั้งใหม่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมที่มีชาวบ้านอพยพมาจากหลายจังหวัด การเกษตรของชาวบ้านเน้นปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น มันสำปะหลัง ปอ และข้าวโพด ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนมีลักษณะต่างคนต่างอยู่ โจรผู้ร้ายชุกชุม ชาวบ้านมีหนี้สินนอกระบบอัตราดอกเบี้ยสูง คุณเกษมได้สัมผัสถึงภาวะขาดแคลนอาหารในชุมชนถึงขนาดเด็กกว่าครึ่งโรงเรียนไม่มีอาหารกลางวันกิน ต้องเก็บผักกระถินยักษ์และมะม่วงหิมพานต์สุกกินแก้หิว ในขณะที่ผู้ปกครองหวังพึ่งพารายได้จากการขายมันสำปะหลังมาซื้ออาหารกิน แต่ก็ต้องตกอยู่ในวงจร “ขาดทุน” เพราะไม่สามารถกำหนดราคาผลผลิตได้ ต้องพึ่งพาระบบตลาดภายนอกหลายชั้น
จากการทดลองทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนเพื่อให้เกิดการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา พบว่าปัญหาหลักของชุมชน คือ ความไม่พอเพียงด้านปัจจัยสี่ หนี้สินนอกระบบ ความไม่มั่นใจในที่ดินทำกินเนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิ์ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณเกษมรวมกลุ่มชาวบ้านที่บ้านยางแดง และเขียนโครงการพัฒนาชนบทแควระบม-สียัด โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรแตร์เดชอม (Terre des Hommes) มีสำนักงานใหญ่ในประเทศฝรั่งเศส และโครงการปฏิรูปการเกษตรและพัฒนาชนบท (World Conference on Agrarian Reform for Rural Development) หรือ วะขาด (WCARRD) เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้มีอาหารการกินพอเพียงในครอบครัว จนทำให้เกิดพัฒนาการในการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนเพื่อจัดการปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ตามมา
ในช่วงปี พ.ศ.2529 มีการนำกลุ่มออมทรัพย์มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตั้งแต่ระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยเริ่มที่ “กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการพัฒนาบ้านยางแดง” แล้วขยายผลไปสู่หมู่บ้านอื่นจนเกิดกลุ่มออมทรัพย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อวางพื้นฐานเรื่องการบริหารจัดการให้กลุ่มชาวบ้าน สร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดการแก้ปัญหาระยะยาวจากการใช้ “ทุนภายใน” และเรียนรู้การสำรวจข้อมูลเพื่อวางแผนแก้ปัญหา ทั้งการสำรวจฐานทรัพยากรและประเด็นปัญหาที่มีอยู่ในชุมชน จนเข้าใจถึงรากของปัญหาว่า “ความเจ็บป่วย” “ความยากจน” และ “หนี้สิน” มีที่มาจาก “การขาดความมั่นคงทางอาหาร” จึงมีการพัฒนาโครงการขอรับการสนับสนุนทุนจากกองทุนพัฒนาท้องถิ่นไทย-แคนาดา พอปี พ.ศ.2532 ก็เริ่มเชื่อมโยงกับเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกข้ามภูมิภาคเมื่อมีการจัดตั้งเครือข่ายระดับชาติในชื่อ “เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก (ประเทศไทย)” ปี พ.ศ.2535 เริ่มเก็บสะสมเมล็ดพันธุ์ ปี พ.ศ.2536 ได้มีการขยายองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นไปสู่ชุมชนใกล้เคียง และเกิดเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการพัฒนา 12 กลุ่มในตำบลคู้ยายหมีและตำบลลาดกระทิง ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ.2539 กลุ่มออมทรัพย์ทั้ง 12 กลุ่มดังกล่าวได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็น “เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก จังหวัดฉะเชิงเทรา”
กระทั่งปี พ.ศ.2540 เกิดฐานการทำเกษตรอินทรีย์ที่เข้มแข็ง มีการเชื่อมโยงการแก้ปัญหาจากหลายภาคส่วนรวมทั้งหน่วยงานราชการ และได้รับการสนุบสนุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคม (Social Investment Fund – SIF) กลุ่มผู้หญิงมีศักยภาพขับเคลื่อนโครงการ เกิดการสร้างอาชีพในชุมชน (เย็บผ้า, เพาะเชื้อเห็ด) และการพึ่งพาฐานทรัพยากรจากชุมชน (ปลูกผักยืนต้นเพื่อกินยอด, นำผักป่ามาปลูกที่บ้าน, ปลูกป่าไม้ใช้สอยเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ) สืบเนื่องมาจนถึงช่วงปี พ.ศ.2544 จึงได้มีการจัดตั้ง กลุ่มเกษตรอินทรีย์สนามชัยเขต เพื่อปรับระบบการผลิตของสมาชิกกลุ่มมาเป็นระบบเกษตรอินทรีย์ โดยเข้าร่วมโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อยภูมินิเวศน์ฉะเชิงเทรา ซึ่งทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนแก่เกษตรกรในเครือข่ายและภายหลังได้จัดตั้งเป็น “กองทุนเกษตรกรรมยั่งยืน เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก จ.ฉะเชิงเทรา” ด้วยหวังว่า “จะสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและรายได้ ไปพร้อมกับฟื้นฟูอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและพันธุกรรมท้องถิ่น” และในช่วงปี พ.ศ.2546-2547 กลุ่มเกษตรกรก็ได้เรียนรู้เรื่องการเชื่อมช่องทางตลาด มีการส่งออกข้าวอินทรีย์ไปต่างประเทศผ่านสหกรณ์กรีนเนท
หลังจบโครงการนำร่องของเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกในปี พ.ศ.2547 จนถึงปัจจุบัน ทางกลุ่มเกษตรอินทรีย์ ก็ไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากโครงการอื่น เพื่อพิสูจน์ว่าความเป็นกลุ่มและเครือข่ายที่มีการบริหารจัดการที่ดีจะสามารถอยู่รอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทุนจากภายนอก และตอบโจทย์ปัญหาในพื้นที่ว่า “เกษตรอินทรีย์ ทำให้คนกินดีปลอดภัย สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงทางอาหารและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน”