โหนดโรงเรียน
โหนดโรงพยาบาล
โหนดผู้ผลิต-ตลาดเขียว
โหนดผู้บริโภค
กิจกรรมโครงการ
รายชื่อภาคี
บทความ "แกงส้ม อาหารไทยใครว่าแย่?" ตอนที่ 1 เขียนโดย อ.สง่า ดามาพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สสส. และกูรูผู้รอบรู้ด้านโภชนาการ เกิดขึ้นในช่วงที่กระแสโซเชียลกำลังออกมาปกป้อง "แกงส้ม" เมนูอาหารไทยคู่บ้าน หลังจากเว็บไซต์อาหารชื่อดัง TasteAtlas ได้จัดอันดับแกงส้มของไทยเป็นเมนูยอดแย่อันดับที่ 12 ของโลก จากทั้งหมด 50 เมนูทั่วโลก
ขอขอบคุณเว็บไซต์อาหารชื่อดัง TasteAtlas ที่ได้จัดอันดับแกงส้มของไทยเป็นเมนูยอดแย่อันดับที่ 12 ของโลก จากทั้งหมด 50 เมนูทั่วโลก จนเกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากคนไทยในโลกโซเชี่ยลอยู่ในขณะนี้ ที่ขอบคุณเพราะได้แหย่อารมณ์คนไทยให้ลุกขึ้นมาปกป้องอาหารไทยอย่างออกหน้าออกตาและพร้อมเพรียงทั่วถึงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
จะไม่ขอสนใจว่าคนจัดอันดับนี้เอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัด และจัดเพื่ออะไรเพราะมันไม่สร้างสรรใดๆ แต่จะขอฉวยโอกาสนี้ปลุกให้คนไทยและคนทั้งโลก ได้รับรู้และตระหนักถึงคุณค่าของแกงส้มและอาหารไทยที่เว๊บไซต์นี้ว่าแย่นั้นมันเป็นจริงหรือ
อาหารไทยให้มุมมองได้หลากหลายมิติ อาทิ เป็นอาหารแห่งภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะ ด้านสุขภาพและโภชนาการ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านความมั่นคงทางอาหาร และด้านการท่องเที่ยว ถ้าเว็บไซต์ดังกล่าวเอามิติเหล่านี้ไปเป็นตัวตัดสินการจัดอันดับ มั่นใจได้เลยว่าแกงส้มของไทยจะไม่ติดฝุ่นอาหารยอดแย่ของโลก
อาหารไทยหลายร้อยเมนูรวมทั้งแกงส้มคือ อาหารแห่งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่รังสรรขึ้นมา แล้วได้ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น กลับกลายเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของแผ่นดินไทยมาตราบเท่าทุกวันนี้ ที่คนไทยรุ่นปัจจุบันต้องภาคภูมิใจและต้องช่วยกันรักษามรดกนี้ไว้ให้อยู่คงคู่กับความเป็นไทยตลอดไป
อาหารไทยเป็นวิถีทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างแท้จริง เพราะอาหารไทยได้นำวัตถุดิบจากธรรมชาติ ที่มีอยู่ในพื้นถิ่นของตนเองมาปรุงประกอบอย่างละเมียดละมุน ให้เหมาะสมกับวิถีความเป็นอยู่ของตนเอง ด้วยการเคารพธรรมชาติ กินตามฤดูกาลเป็นส่วนใหญ่ การได้มาซึ่งอาหารไทยในหนึ่งสำรับหรือหนึ่งเมนู ได้บ่งบอกถึงการมีส่วนร่วมของทุกคนในครอบครัว ช่วยกันหา ปรุง กินและเก็บ ที่สำคัญวัฒนธรรมการกินเป็นสำรับ ที่สมาชิกในบ้านล้อมวงกินอาหาร่วมกันอย่างอบอุ่น เป็นเวทีเดียวที่สมาชิกในบ้านจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นโอกาสที่พ่อแม่จะได้อบรมสั่งสอนลูก และให้รู้จักรักและแบ่งปันผู้อื่น
ทั่วโลกยอมรับมานานแล้วว่าอาหารไทยคืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สุขภาพ และสมุนไพร เพราะอาหารไทยคืออาหาร 5 หมู่อยู่ในหนึ่งสำรับให้สารอาหารครบ 5 ชนิด ยกตัวอย่างสำรับ แกงส้มกุ้งผักรวม ไข่เจียว ปลานึ่งจิ้มแจ่ว กินกับข้าวกล้องและกินกล้วยน้ำว้าสุกเป็นผลไม้ ได้คาร์โบไฮเดรตจากข้าวกล้อง ได้โปรตีนจากกุ้ง ปลา ไข่ ได้วิตามินแร่ธาตุจากกล้วย และสารพัดผักในแกงส้มและจากผักที่กินกับปลานึ่ง และได้ไขมันไม่มากจากปลา
หรือแม้แต่อาหารว่างของไทยก็ยังครบ 5 หมู่อยู่ในคำเดียวกัน น่าทึ่งมากบรรพบุรุษไทยคิดมาได้อย่างไร เช่นเมี่ยงคำ 1 คำ ได้โปรตีนจากกุ้งแห้งและถั่วลิสง ได้คาร์โบไฮเดรตเล็กน้อยจากมะพร้าวคั่วและน้ำตาลจากน้ำเมี่ยง ได้วิตามินแร่ธาตุจากใบชะพลู มะนาว พริกขี้หนู ได้ไขมันนิดหน่อยจากถั่วลิสงและมะพร้าวคั่ว
เสน่ห์ของอาหารไทยอีกหนึ่งอย่างคือ เกือบทุกเมนูมักจะปรุงด้วยสมุนไพร ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระชาย พริก หอม กระเทียม ซึ่งนอกจากจะทำให้อาหารรสชาติดีน่ากินแล้ว เมื่อกินเข้าไปสมุนไพรเหล่านี้ยังจะไปทำให้สุขภาพดี มีสารหอมระเหย มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในผักผลไม้ ป้องสารพัดโรค มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่ากินอาหารไทยห่างไกลโรค NCDs
อาหารไทยแท้ๆที่ไม่ใช่อาหารไทยเพี้ยน จะให้พลังงานต่ำ มีแคลลอรี่ที่สมดุล ไม่ทำให้อ้วน ป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs มี 5 รสอยู่ในคำเดียวกัน เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด แต่ทั้ง 5 รสนี้จะไม่รสจัดมากไม่กระโดดไปทางรสใดรสหนึ่ง จึงเป็นที่มาของคำว่าอาหารไทยแท้ต้องรสชาติกลมกล่อม ละมุมลิ้น ต่างชาติเวลากินอาหารไทยเขาบอกว่าตื่นเต้น เพราะได้ลุ้นว่าหนึ่งคำจะมีรสชาติใดบ้าง
คงจบลงอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ ถ้าไม่ได้บอกต่อว่า เมื่ออาหารไทยทรงคุณค่าอย่างนี้แล้ว แล้วเราจะทำอย่างไรให้คนไทยได้ภาคภูมิใจและกินอาหารไทยคือการได้เสพวัฒนธรรมไทย และเราจะใช้อาหารไทยให้เป็น soft power อย่างไรให้เกื้อหนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย โปรดติดตามได้ในตอนที่ 2 ครับ.