โหนดโรงเรียน
โหนดโรงพยาบาล
โหนดผู้ผลิต-ตลาดเขียว
โหนดผู้บริโภค
กิจกรรมโครงการ
รายชื่อภาคี
เมื่อพูดถึงจังหวัดนนทบุรี ผู้คนที่มาเยือนหรืออาศัยอยู่คงนึกถึงภาพของความเป็นเมือง การจราจรแออัด สถานที่ราชการ และตึกสำนักงานที่เรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก น้อยคนนักที่จะนึกถึงภาพความอุดมสมบูรณ์ทางอาหารเช่นในอดีต เนื่องจาก ณ ขณะนี้ จังหวัดนนทบุรีมีพื้นที่ผลิตอาหารลดลง อีกทั้งประชาชนในจังหวัดยังเผชิญปัญหาสุขภาพจากการรับประทานผักและผลไม้ที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้น ประเด็นความมั่นคงทางอาหารจึงเป็นวาระเร่งด่วนหนึ่งที่ทุกภาคส่วนในจังหวัดนนทบุรีร่วมมือกันผลักดันและก่อเกิดสภานโยบายอาหารจังหวัดนนทบุรีขึ้นมา
สภานโยบายอาหารนนทบุรี หรือที่มีชื่อทางการว่า “คณะกรรมการสภานโยบายอาหารสุขภาวะจังหวัดนนทบุรี” คือ ผู้คนและองค์กรที่มีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันและแก้ไขปัญหาในระบบอาหาร โดยใช้การมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม ในการตัดสินใจกำหนดนโยบายหรือโครงการด้านอาหารที่จะสร้างประชาธิปไตยทางอาหารและความเป็นธรรมทางสังคมให้เกิดขึ้น พร้อมกับการสร้างพลเมืองอาหารของนนทบุรี (ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้ผลิต ผู้บริโภค หรือผู้ขายสินค้า) ให้เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเป้าหมายนี้ร่วมกันอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับสภานโยบายอาหาร ก็คือ เป็นการที่ภาครัฐแต่งตั้งกลุ่มคนหรือองค์กรขึ้นมาให้มีภารกิจและบทบาทแก้ไขปัญหาด้านอาหารในจังหวัด โดยมีการดำเนินงานแบบสั่งการจากบนลงล่าง แต่แท้จริงแล้วสภานโยบายนี้เกิดขึ้นจากการผสานความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในทุกทิศทาง ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ปัจจุบัน (ณ เดือนกันยายน 2568) คณะกรรมการสภานโยบายอาหารฯ ชุดก่อตั้ง ได้ดำเนินการพัฒนาและกำหนดกรอบแนวคิด วัตถุประสงค์ บทบาท และโครงสร้างของสภานโยบายอาหารขึ้นเรียบร้อยแล้ว และยังได้มีการขับเคลื่อนพื้นที่นำร่องเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ 1) เครือข่ายชุมชนเมือง (บ้านมั่นคง) ได้แก่ ชุมชนประชาราษฎร์และชุมชนลานนาบุญ 2) เครือข่ายโรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดบางขนุน โรงเรียนวัดใหญ่สว่างอารมณ์ และโรงเรียนวัดโคนอน และ 3) เครือข่ายตลาดเขียว ได้แก่ ชุมชนวัดโคนอน ตลาดเขียวบ้านนกน้อย รวมทั้งสวนสบายดี ควบคู่กับการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานจากภาคส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดอย่างใกล้ชิด เป็นการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนคู่ขนานกันไปทั้ง 2 ระดับคือระดับพื้นที่นำร่องด้วยภาคีทีมพื้นที่และระดับภาคส่วนผ่านกระบวนการสภานโยบายอาหาร
จากการเข้าร่วมสังเกตการณ์ในฐานะนักวิจัยที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ ในการดำเนินงานของสภานโยบายอาหารจังหวัดนนทบุรี พบความ “ความสวยงาม” ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง ได้แก่
หนึ่ง สภานโยบายอาหารนนทบุรีประกอบไปด้วยผู้คนและองค์กรที่มีความหลากหลาย ทั้งในมิติของที่มา อายุ ภูมิหลัง และความใฝ่ฝัน แต่ทุกคนมีฐานะ “เท่ากัน” เมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าปัญหาระบบอาหารในจังหวัดนนบุรี ไม่มีใครมีอำนาจหรือเสียงดังไปกว่ากัน ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนวทางพัฒนาทางเลือก (alternative development) เกี่ยวกับอาหารได้อย่างเท่าเทียม ความสวยงามนี้ ไม่ได้พบเห็นทั่วไปมากนักในการแก้ไขปัญหาที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
สอง จากความหลากหลายของผู้เข้าร่วม ความเห็น และความซับซ้อนของปัญหาระบบอาหาร กระบวนการที่นำมาใช้เพื่อก่อให้เกิดการขับเคลื่อนสภานโยบายอาหารจึงวางอยู่บนฐานของการมีส่วนร่วมและมุ่งเน้นกระบวนการประชาธิปไตย ถึงแม้ในบางครั้งอาจต้องใช้เวลาค่อนข้างมากเพื่อสร้างฉันทามติร่วมกันในประเด็นสำคัญ ๆ แต่ในทางกลับกันก็เป็นช่วงเวลาอันดีในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสมาชิก เพื่อปูทางไปสู่การดำเนินงานร่วมกันในระยะยาว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น
สาม การดำเนินงานและการขับเคลื่อนโครงการของสภานโยบายอาหารนนทบุรีอยู่บนฐานของข้อมูลระบบอาหารจังหวัดนนทบุรี ที่ร่วมกันรับฟังความคิดเห็น รวบรวม และวิเคราะห์จัดทำขึ้น ดังนั้นการตัดสินใจของสมาชิกสภานโยบายอาหารจึงไม่ได้ใช้เพียง “ความรู้สึก” หรือ “ความเห็น” ของบุคคลใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เกิดจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ระบบอาหารของจังหวัดนนทบุรีและตัดสินใจร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม
จะเห็นได้ว่า ก้าวแรกของสภานโยบายอาหารและการสร้างพลเมืองอาหารนนทบุรีได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการและได้สร้างประโยชน์ให้แก่คนนนทบุรีแล้ว ก้าวต่อไปซึ่งนับเป็นก้าวที่ท้าทาย คือการสร้างพลเมืองทางอาหาร New Gen และการเชื่อมโยงการขับเคลื่อนสภานโยบายอาหารของจังหวัดนนทบุรีไปสู่การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่อื่น ๆ ผู้เขียนหวังว่าในไม่ช้า เราจะได้ชื่นชมความสำเร็จของสภานโยบายอาหารที่เกิดขึ้นทั่วประเทศร่วมกัน
โดย อิทธินพวลี แก้วแสนสุข